มีเครื่องมือดี มีชัยกว่าครึ่ง

 

นักรบโบราณ ใช้ไม้ ใช้หิน ในการต่อสู้....

นักรบปัจจุบัน นั่งในห้องแอร์ กดปุ่มยิง ระยะทางไกลเป็นร้อยๆกิโล ได้อย่างแม่นยำ.....

การซ่อมรถในปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพ เท่าทันเทคโนโลยี่ ทำให้สามารถแก้ไขงานให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น นั่นเท่ากับว่า เราเองก็ได้รับเงินเร็วขึ้นด้วย จากเดิมใช้เวลา7-10วันหรือเป็นเดือน เป็นแค่ 2-3 วัน ดีกว่าไหม..

และนับจากนี้ไป รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งมีระบบอิเลคโทรนิคส์ มากมาย ติดตั้งมานั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เครื่องมือ ที่เหมาะสม ถูกต้อง เข้าไปตรวจสอบระบบ และทำการแก้ไขปัญหา ในรถรุ่นใหม่ๆ จะไม่ยอมให้ทำการช็อตขั้วแล้ว เนื่องจากเสี่ยงต่อความเสียหายของระบบต่างๆได้ง่าย ....การใช้หินหรือท่อนไม้ มาตอกตะปู ก็ทำได้ แต่จะดีไหม ถ้ามีค้อน ที่มีขนาดพอดีกับตะปู อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตะปูงอ และเร็วกว่าแน่นอน.....

การเลือกซื้อเครื่องมือ ในระยะเริ่มต้น หากเรายังไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือเหล่านี้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องซื้อเครื่องมือ ที่มีราคาไม่แพงมากมาใช้งานให้เกิดความคุ้นเคยก่อน จากนั้นค่อยขยับไปใช้เครื่องมือที่มีราคาแพง ซึ่งก็สอดคล้องกับรุ่นของรถที่จะต้องซ่อมได้พอดี ซึ่งเครื่องมือตัวเดิมนั้นก็ยังคงใช้งานได้สำหรับปัญหาง่ายๆ ส่วนเครื่องมือแพงๆก็ไว้ใช้สำหรับงานที่มีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น เรียกว่า มีท่าไม้ตาย ท่าที่1 ท่าที่2 ยังไงก็เอาอยู่แน่นอน

เครื่องมือราคาแพง มีประสิทธิภาพดีก็จริงแต่ผู้ใช้งานต้องชำนาญด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็ใช้งานได้ไม่คุ้มค่าเงิน ...เครื่องมือยิ่งไฮเทค ยิ่งต้องใช้ความรู้มากขึ้น ช่างซ่อมช่างเทคนิคควรหมั่นอัพเดทความรู้ด้วย เพราะความรู้มันล้าสมัยกันได้

และที่สำคัญ ควรเลือกซื้อจากผู้ขายที่สามารถให้คำปรึกษาเราได้ด้วย อย่าซื้อเพียงแค่ราคาถูกอย่างเดียว ซึ่งอาจทำให้เราเสียโอกาสบางอย่างไป ..ถ้าเราอยู่กับคนเก่ง ...เราจะเก่งไปด้วย .... เรียนตีิกอล์ฟกับคนข้างบ้าน กับเรียนกับไทเกอร์วูดส์ อันไหนจะดีกว่ากัน ....

เครื่องมือที่ดี ก็เหมือนเป็นการติดอาวุธที่ดี และจะดีมากหากผู้ใช้งาน มีความชำนาญในอาวุธนั้นๆด้วย ....

ช่างซ่อมหรือเจ้าของอู่ที่ทำงานได้เร็ว ย่อมได้เงินเร็วและมีลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ หากรถยนต์ที่วิ่งในท้องถนน ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีจากช่างผู้ชำนาญ ก็ทำให้รถนั้นอยู่ในสภาพดี ปลอดภัย ไม่ใช่วิ่งๆอยู่ก็ดับไปเฉยๆ(ชึ่งอันตรายมาก) ....เราทุกคนที่ใช้ถนนก็ปลอดภัยด้วย เป็นการช่วยเหลือสังคมทางอ้อมไปในตัว ......

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือ ก็คือเครื่องมือ จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราใช้มันเป็น และแน่นอน เครื่องมือนี้ ไม่ใช่ไม้ตะพดวิเศษของแฮรี่พอตเตอร์ที่จะบันดาลสรรพสิ่งให้เราได้ดังใจ แต่การมีเครื่องมือที่ดีก็ช่วยให้เราได้พอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ ไม่ใช่มืดมิดไปทุกด้านจนทำอะไรไม่ถูก

การซ่อมรถ บำรุงรักษารถยนต์ก็เช่นกัน หากเราไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนก่อน นี่ก็แย่แล้ว ดีไม่ดีอาจต้องถอดเปลี่ยนอุปกรณ์กันทั้งคัน เครื่องมือนี้ก็จะบอกเราว่าควรจะตรวจเช็คตรงไหน เรียกได้ว่าเข้าใกล้ปัญหาได้มากขึ้น โอกาสจบงานก็เร็วขึ้น ถ้าเป็นปัญหาง่ายๆ เครื่องมือนี้จะบอกเราได้ทันที เช่นคอยด์จุดระเบิดเสีย เป็นต้น แต่ถ้าเป็นปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ส่วนผสมบางไป ก็ต้องตรวจเช็คหลายอย่าง ได้แก่ ระบบปั้มเชื้อเพลิงยังดีอยู่ไหม กรองเชื้อเพลิงอุดตันหรือไม่ มาตรวัดอากาศโอเคไหม ออกซิเจนเซนเซอร์ส่งสัญญาณมาถูกต้องไหม หัวฉีดอุดตันหรือเปล่า อื่นๆอีกมาก อย่างนี้เป็นต้น คือต้องอาศัยทักษะของช่างด้วย แต่ถ้าเครื่องมือดีๆระดับไฮเอนด์ ก็จะบอกว่าควรจะไปตรวจเช็คที่จุดใดบ้าง ทำให้การแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้นมาก จบงานเร็วก็รับเงินเร็ว......

และนับจากนี้ไป งานซ่อมบำรุงรักษายานยนต์ จะเป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญมากขึ้น เป็นอาชีพที่มีเกียรติ สามารถทำเงินได้ดีและไม่มีวันตาย ตราบใดที่คนเรายังต้องการใช้รถยนต์ ที่แน่ๆคือ เจ้าของรถจะทำการซ่อมรถเองไม่ได้อีกต่อไป เพราะไม่มีเครื่องมือเหล่านี้(ซึ่งก็ไม่รู้จะซื้อไว้ทำไม)ประกอบกับไม่มีความชำนาญทางเทคนิคชั้นสูงและไม่เท่าทันเทคโนโลยี่เท่ากับช่างซ่อม

ข้อดีของเครื่องมือเหล่านี้อีกประการคือ เป็นการช่วยให้เรามีความรู้ความเข้าใจในระบบยานยนต์มากขึ้น รวมถึงอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ของรถยนต์ด้วย ทำให้เราได้รู้ถึงโครงสร้าง สถาปัตยกรรม องค์ประกอบของโมดูลต่างๆได้พอสมควร

และนับจากนี้ไป เราจะต้องเกาะติดก้าวให้ทันเทคโนโลยี่ยานยนต์ด้วย เพราะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต่อไปรถยนต์จะขับเคลื่อนได้เองอัตโนมัติ โดยการนำร่องจากดาวเทียมผ่านการสื่อสารกับกล่องสมองกลของรถ โดยรถทุกคันจะต้องลิงค์กับระบบโครงข่ายจราจรผ่านทางดาวเทียม จากนั้น นำผลที่ได้ไปประมวลผลสภาพการจราจร จำนวนรถ ความเร็วรถคันอื่นๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็ทำให้ปรับตั้งความเร็วรถของเราได้ พร้อมทั้งหาเส้นทางที่สะดวกที่สุดให้เรา ต่อไปพอก้าวขึ้นรถ แล้วพูดว่า ...ไปที่ทำงาน ....จากนั้นก็นั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ไป ครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่ทำงาน นี่คือวิวัฒนาการแห่งโลกยานยนต์.....

 

 

บทความโดย....

มนตรี   ไล้สมบูรณ์
www.technology2029.com
www.obdthailand.com